เมนู

ไม่ควรกล่าวโดยย่อ. แต่ในติตถายนสูตรนี้ กัมมัฏฐานนี้มาแล้วด้วยอำนาจ
มโนปวิจาร 18 โดยย่อ. กัมมัฏฐานนั้นควรกล่าวทั้งโดยย่อทั้งโดยพิสดาร.
ในกัมมัฏฐานนั้น ว่าโดยย่อก่อน รูป 9 เหล่านี้คือ จักขุ โสตะ
ฆานะ ชิวหา กาย รูป เสียง กลิ่น รส เป็นอุปาทารูป เมื่อเห็นอุปาทารูป
ทั้ง 9 เหล่านั้นแล้ว อุปาทารูปที่เหลือก็เป็นอันเห็นด้วยเหมือนกัน. โผฏ-
ฐัพพะ
คือ มหาภูตรูป 3 เมื่อเห็นมหาภูตรูปทั้ง 3 เหล่านั้นแล้ว มหา
ภูตรูปที่ 4
ก็เป็นอันเห็นด้วยเหมือนกัน. มโน เป็นวิญญาณขันธ์.
ธรรมทั้งหลายมีเวทนาเป็นต้นที่เกิดพร้อมกับวิญญาณขันธ์นั้นเป็น อรูปขันธ์.
พึงทราบกัมมัฏฐานที่เป็นเหตุให้บรรลุอรหัตผล ทั้งโดยย่อ ทั้งโดยพิสดาร
ตามนัยที่กล่าวแล้วในตอนต้นนั่นแล. บทว่า อริยสจฺจานิ ได้แก่ สัจจะ
ทั้งหลายที่ทำให้เป็นพระอริยะ หรือที่พระอริยเจ้าแทงตลอดแล้ว. ในที่นี้มี
ความย่อเพียงเท่านี้. แต่เมื่อว่าโดยพิสดารแล้ว บทนี้ได้ประกาศไว้แล้วใน
วิสุทธิมรรค.

ธาตุ 6



ถามว่า บทว่า ฉนฺนํ ภิกฺขเว ธาตูนํ นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า
เริ่มไว้เพื่ออะไร. ตอบว่า เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย. จริงอยู่ พระตถาคตเจ้า
ประสงค์จะตรัสปัจจยวัฏฏกะ 12 บทแก่บุคคลใด ก็ทรงแสดงวัฏฏะคือ การ
ก้าวลงสู่ครรภ์แก่บุคคลนั้น. เพราะว่า เมื่อทรงแสดงวัฏฏะคือ ก้าวลงสู่
ครรภ์แล้ว ก็ทรงมีความสะดวกที่จะตรัสเองทั้งที่จะสอนผู้อื่นให้รู้. (ฉะนั้น)
จึงควรทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเริ่มบทนี้ไว้ ก็เพื่อสอนผู้อื่นให้
รู้ได้ง่าย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ฉนฺนํ ธาตูนํ ได้แก่ ปฐวีธาตุเป็นต้น
ที่กล่าวแล้วในตอนต้นนั่นแล. บทว่า อุปาทาย แปลว่า อาศัย. ด้วยบทว่า
อุปาทาย นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแต่เพียงปัจจัย. มีคำอธิบายดังนี้
ว่า การก้าวลงสู่ครรภ์มารดา มีเพราะธาตุ 6 เป็นปัจจัย. เพราะธาตุ 6 ของ
สัตว์ผู้เกิดในครรภ์นั้นเป็นปัจจัย. ถามว่า ของมารดาหรือว่าของบิดา ตอบว่า
ไม่ใช่ของมารดา ไม่ใช่ของบิดา เพราะธาตุ 6 ของสัตว์ผู้ถือปฏิสนธินั่นแล
เป็นปัจจัย จึงมีการก้าวลง (สู่ครรภ์มารดา) ของสัตว์ผู้เกิดในครรภ์ ก็ขึ้น
ชื่อว่า คัพภสัตว์ (สัตว์ผู้เกิดในครรภ์) นี้มีประการต่าง ๆ คือ คัพภสัตว์ใน
นรก คัพภสัตว์ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน คัพภสัตว์ในปิตติวิสัย คัพภสัตว์ใน
กำเนิดมนุษย์ คัพภสัตว์ในกำเนิดเทวดา. แต่ในที่นี้ประสงค์เอาคัพภสัตว์ใน
กำเนิดมนุษย์.
บทว่า อวกฺกนติ โหติ ความว่า มีการก้าวลง การบังเกิด
ความปรากฏ. ถามว่า มีได้อย่างไร ? ตอบว่า มีเพราะการประชุมพร้อม
แห่งองค์ 3 สมจริงดังพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดังนี้ว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะการประชุมพร้อมแห่งองค์ 3 แล จึงมีการก้าวลง
(สู่ครรภ์มารดา) ของสัตว์ผู้เกิดในครรภ์
องค์ประกอบ 3 ประการ คือ อะไรบ้าง ?
คือ มารดาบิดาในโลกนี้อยู่ร่วมกัน 1 มารดาไม่ใช่หญิงอยู่ในวัยที่มีรอบ
เดือน 1 คันธัพพสัตว์ยังไม่ปรากฏ 1 การก้าวลง (สู่ครรภ์มารดา) ของ
สัตว์ผู้เกิดในครรภ์ยังไม่มีก่อน

มารดาบิดาในโลกนี้อยู่ร่วมกัน และมารดาเป็นหญิงที่อยู่ในวัยที่มีรอบ
เดือน แต่ว่าคันธัพพสัตว์ไม่ปรากฏ (อย่างนี้) การก้าวลง (สู่ครรภ์มารดา)
ของสัตว์ผู้เกิดในครรภ์ก็ยังไม่มีก่อน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แต่ว่า เมื่อใดแล มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน 1
มารดาเป็นหญิงอยู่ในวัยที่มีรอบเดือน 1 คันธัพพสัตว์ปรากฏ 1 เพราะความ
ประชุมพร้อมแห่งองค์ 3 ดังว่ามานี้ การก้าวลง (สู่ครรภ์มารดา) ของสัตว์
ผู้เกิดในครรภ์จึงมี.
บทว่า โอกฺกนติยา สติ นามรูปํ ความว่า ในที่ที่ตรัสไว้ว่า
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมุ่งถึงธรรม
33 ประการ คือ วัตถุทสกะ กายทสกะ ภาวทสกะ (และ) อรูปขันธ์ 3.
แต่ในที่ที่ตรัสไว้ว่า เมื่อมีการก้าวลง นามรูปจึงมี นี้ พึงทราบว่า พระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงมุ่งถึงธรรม 34 ประการ (ที่เกิด) ในขณะปฏิสนธิของคัพภ-
เสยยกสัตว์โดยทรงเพิ่มวิญญาณขันธ์เข้าด้วย. ความที่สฬายตนะปรากฏในเมื่อ
มีนามรูป ความที่ผัสสะปรากฏในเมื่อมีสฬายตนะ ความที่เวทนาปรากฏในเมื่อ
มีผัสสะ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ด้วยบททั้งหลายมีอาทิว่า นามรูปป-
จฺจยา สฬายตนํ
เหมือนทรงแสดงความที่นามรูปปรากฏในเมื่อมีการก้าวลง
(สู่ครรภ์มารดา) ด้วยบทว่า โอกฺกนฺติยา สติ นามรูปํ ฉะนั้น.

เสวยเวทนา



ในบทว่า เวทิยมานสฺส นี้มีอธิบายดังต่อไปนี้ ผู้เสวยเวทนาอยู่ก็ดี
ผู้รู้เวทนาอยู่ก็ดี เรียกว่า ผู้เสวย (ทั้งนั้น) อธิบายว่า ผู้กำลังเสวยอยู่
ชื่อว่า ผู้เสวย (ดัง) ในประโยคนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้ากำลังเสวยอยู่